คนส่วนมากใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของคำนี้  “มาตรฐาน”

คำ ๆ นี้  มีความหมายไปถึงการยึดถือคุณภาพของทุกสิ่งในโลก  ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตตามหลักการทั่ว ๆ ไป

หากเป็นสิ่งมีชีวิต  ในเชิงศีลธรรมจรรยากฏมาตราฐานคือศีลห้า  สำหรับสิ่งไม่มีชีวิตก็หมายถึงคุณภาพขั้นพื้นฐานที่ไม่เป็นพิษเป็นภัย ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ยา อาหาร ในการดำรงชีพและทำกิจการงานใดก็มีระดับมาตรฐานทั้งนั้น คือซื่อสัตย์ ขยัน ไม่เกียจคร้าน ทำงานตามหน้าที่ของตน

คำว่า มาตรฐาน มีความหมายในเชิงว่า  หากมีคุณภาพที่ต่ำกว่านี้จะส่งผลร้าย  ไม่ได้หมายความว่าให้ยึด “มาตรฐาน” เป็นกรอบขวางกั้นตัวเองให้หยุดอยู่ที่ระดับนี้

มนุษย์ถูกหลอกด้วยคำว่า “มาตรฐาน”

คนที่หยุดตัวเองอยู่ที่คำ ๆ นี้ จะเจริญยิ่งไม่ได้   จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่ตนและแก่โลกไม่ได้    เพราะมัวแต่คิดว่า….ก็มันเป็นมาตรฐาน

หากอาจารย์จะเป็นอริกับอะไรสักอย่าง  ก็ขอเป็นอริกับคำว่ามาตรฐานนี่แหละ

อริในความหมายของอาจารย์​คือ  การไม่ยอมอยู่ในกรอบของคำว่ามาตรฐาน  ต้องอยู่เหนือสิ่งที่เป็นกรอบที่ถูกขีดให้เดิน เพราะมันเป็นวิถีตามแบบโลกียะ  คือแม้จะอยู่ตามมาตรฐานแล้วแต่ทุกชีวิตจะต้องมีจุดจบเหมือนกันหมด   และมาตรฐานโดยมากถูกกำหนดด้วยกรอบของกิเลส   การจะมีชีวิตที่มีความสุขอย่างแท้จริงหรือสร้างบรรทัดฐานความสำเร็จแบบพลิกโลกได้  ก็ต้องอยู่เหนือกรอบของเขา

คำว่า “มาตรฐาน”  เป็นการจำกัดศักยภาพทางการกระทำและความคิด

อาจารย์จะขอวิเคราะห์ให้ฟังในหลากมุมมอง

ในทางธรรม

หากยึดหลักมาตรฐานความเป็นมนุษย์  คนจะหยุดตนแค่รักษาศีลให้บริสุทธิ์  แต่จะไม่ก้าวมาถึงการบำเพ็ญเพียรวิปัสสนากรรมฐานอย่างยิ่งให้หลุดพ้น  จิตจะยอมรับวงจรของวัฏสงสาร  ยอมรับว่าเกิดมาก็ต้องตาย  ต้องทำงาน ต้องหาเงิน  ต้องแต่งงาน  ถึงเวลานึงก็พักผ่อนประจำสัปดาห​์ ประจำปี พาครอบครัวไปเที่ยว พักผ่อนชั่วครู่ แล้วก็แสวงหาความมั่งคั่ง ความสำเร็จให้แก่ตนและครอบครัว   เป็นการวนอยู่ในวิถีเดิมๆ เช่นนี้ ยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างที่ถูกกล่อมประสาทไว้   จิตจะไม่เข้มแข็งพอในการ Break สังสารวัฏ    เห็นอะไรที่เขาทำกันว่าดี ก็ทำ ๆ ตามกัน   เขาบ้าเรื่องอะไรก็บ้าไปกับเขา เขามัวเมากันเรื่องอะไรก็ใหลไปตามกระแสของเขา  ฝืนไม่ได้ ใหลไปลอยไปตามตาม   ไม่รู้คิดพิจารณาอย่างแยบยลถึงผลเสียตามมา และไม่ฉีกตนออกจากกฏมาตรฐาน  

ในระดับความสัมพันธ์

คนจะยอมรับสถานะและบทบาทในสังคมตามแบบโลกๆ ว่า  ผู้ชายต้องเป็นผู้นำ  ผู้หญิงนำไม่ได้  ในการแต่งงาน ผู้หญิงต้องไม่มีปากมีเสียง  ต้องเป็นช้างเท้าหลัง แยกไม่ออกระหว่างการแสดงความเคารพตามจารีตกับการแสดงสิทธิ์ความคิดเห็นและเลือกเป้าหมายและเส้นทางของตนเองในฐานะมนุษย์ผู้มีจิตใจ    ผู้คนจะถูกจองจำต่อกันด้วยคำว่า  “ของฉัน”   ลูกของฉันภรรยาของฉัน สามีของฉัน  และต้องใช้ชีวิตตามกรอบอย่างไม่มีข้อแม้   จนกลายเป็นการถูกกดขี่ข่มเหงและชีวิตสูญสิ้นอิสระภาพ   เมื่อถูกครอบด้วยคำว่า “ของฉัน”  เพราะมันคือ มาตรฐาน

การอยู่ด้วยความเคารพและจารีตเป็นคนละส่วนกับการแสดงสิทธิ์ความคิดเห็นชอบธรรมและถูกทำนองคลองธรรม

ศิษย์หลายคนของอาจารย์ ถูกครอบด้วยคำ ๆ นี้   สามีเห็นภรรยาเป็นสมบัติ   แม่เห็นลูกเป็นสมบัติ ตีกรอบให้อยู่กับการทำมาหากิน แต่งงาน ใช้ชีวิตตามหลักสมมติของโลก   แต่ผู้ที่อยู่เหนือมาตารฐาน มองเห็นแล้วว่า  ชีวิตเช่นนี้ล้วนพาไปสู่จุดจบที่ไม่มีทางออก     จึงปรับชีวิตให้อยู่เหนือมาตรฐาน  คือการแสวงหาทางออกที่อยู่เหนือป้ายมอก.  ออกบำเพ็ญเพื่อพาตนให้หลุดพ้น ในขณะเดียวกัน ฆราวาสก็ยังทำหน้าที่ของตนไม่ให้ต่ำกว่ามาตราฐาน คือ  การทำหน้าที่ ดูแลซึ่งกันและกันมีความเคารพ กตัญญ และเมตตาเป็นเครื่องนำใจ

ในงานออกแบบสร้างสรรค์เช่นงานอินทีเรีย สถาปัตย์  หากยึดหลักมาตรฐาน  ประตูบ้านจะต้องสูงสองเมตรกว้าง 90 เซ็นต์  ความสูงของห้องจากพื้นถึงเพดานคือ  2.50 เมตร หากทุกคนยึดหลักมาตรฐานเราจะไม่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ  ไม่ได้เห็นประตูสูง 4 เมตร บันไดทางเดินทำจากกระจกที่คนเคยกลัวว่าเหยียบแล้วจะแตก   เราจะไม่ได้เห็นสวนผนักต้นไม้แนวตั้ง     ไม่ได้เห็นงานออกแบบที่โดนหัวใจหรือเข้าถึงหัวจิตหัวใจของมนุษย์

ในงานศิลป์หรือถ่ายภาพ   หากยึดหลักมาตรฐาน   ในการถ่ายภาพคน  ทุกคนคงต้องนั่งตัวตรงทำหน้าเหมือนกำลังถูกคนแปลกหน้าจ้องมอง   มีแววตาที่ไร้ชีวิต  ความมีตัวตนและจิตวิญญาณที่ปรากฏอยู่ในภาพจะด้านสนิท ไม่สามารถสื่อถึงความรู้สึกของผู้ที่อยู่ในภาพได้   เพราะมันเป็นมาตรฐาน   การถ่ายภาพวิว  ก็จะยืนถ่ายตามที่สายตามอง  ไม่เคยลองคิดที่จะกดตนให้นั่งลงต่ำมีมุมมองของเดียวกับมดหรือมีมุมมองสูงเหมือนเหยี่ยว  ถ่ายกันเข้าไป ยังไงก็อย่างงั้นเพราะมันคือมาตรฐาน   และเพราะเป็นเช่นนี้ ภาพจะไม่มีแรงบันดาลใจให้แก่ใครได้เลย เพราะมัน  ขาดแรงบันดาลใจน่ะสิ  ด้วยเพราะถูกกดไว้ด้วยคำว่า  “มาตรฐาน”

งานหนังสือสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ  ก็มีหน้าตาเหมือนอ่านสลากยา  คือลายตาไปหมด  ไม่มีการทดลองออกแบบสิ่งใหม่   ที่ฉีกออกจากกฏตายตัว  การเขียนอักษร “ส” ก็จะต้องมีหัว ม้วนกันให้สวย   ให้หัวหายไม่ได้   เพราะมันเป็นมาตรฐาน    นวัตกรรมใด ๆ ในโลกจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย   เราจะไม่มีไฟฟ้า  ไม่มีคลื่นอินเตอร์เนท ไม่มีเครื่องบิน  ไม่มีอะไรต่อมิอะไรมากมาย เพราะคนไม่กล้าคิดนอกกรอบจากมาตราฐานของยุคนั้นสมัยนั้น

เห็นมั้ยว่า  คำนี้ ลวงมนุษย์เอาไว้แค่ไหน  

อย่าทำตนต่ำกว่ามาตรฐาน   แต่หากอยากหลุดพ้น  ต้องเป็นคนอยู่เหนือมาตรฐาน ต้องมีวินัยในการภาวนา อันเป็นสิ่งที่มาตรฐานเขาไม่ได้ระบุไว้ เพราะมันเป็นเรื่องของคนเหนือมาตรฐาน   หากจะอยู่ตามเกณฑ์นี้ ทำงานเสร็จกลับบ้านก็นอนแผ่   จากนั้นก็กดปุ่มรีโมท ดูรายการตลกปัญญานิ่ม  ละครโอเว่อร์แอ็คติ้ง  หึงตาเหลือก  ตบตีแย่งผู้ชาย เมามันกับการท่องเน็ต แล้วก็จบชีวิตของตนลงแบบ คนติดมาตรฐาน

มาตรฐาน ๆ … อย่าถูกหลอกด้วยคำว่า  “มาตรฐาน”

อ.อัจฉราวดี  วงศ์สกล

23 ธันวาคม 2558

ดำเนินงานโดย มูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต

  • 462/12 ซอยอ่อนนุช 8 ถนนสุขุมวิท 77
    แขวงอ่อนนุช เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250
  • จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 - 17.00 น.
  • 02 117 4063-4
  • 02 117 4065
  • info@bodhidhammayan.org

🚧 ภูเก็ต (เร็ว ๆ นี้)