ชาวพุทธกับการปฏิบัติธรรม มักหนีไม่พ้นเพราะกลัววิบากกรรมกับการภาวนาเพื่อสะสมบุญกุศล

แม้ว่าไม่มีใครหนีกรรมได้พ้น แต่การประกอบกุศลกรรมที่มีน้ำหนักเพียงพอ ก็สามารถช่วยทอนกระแสวิบากให้เบาบางลงได้ หาใช่ว่ากรรมจะหมดไปเสียสิ้น อาจารย์เห็นว่ากรรมนั้นส่งผลสองลักษณะ หนึ่ง ส่งผลตามวิถีวิบาก เราส่งกระแสใดออกไป ย่อมได้รับสิ่งนั้นกลับคืน อีกประการคือ ส่งผลในแบบมีเจ้ากรรมนายเวร คือเมื่อทำกรรมกับผู้ใด และผู้ถูกกระทำมีจิตติดข้อง ย่อมเกิดเป็นการตามชำระหนี้

กรรมที่ไม่มีเจ้ากรรมนายเวร เช่น กรรมที่กระทำต่อพระพุทธเจ้า เรื่อยไปจนถึงพระอรหันตเจ้าและผู้ทรงธรรมที่เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา เพราะจิตที่หลุดพ้นแล้วย่อมไม่มีจิตจองเวร แต่บุคคลผู้ทำกรรมยังต้องรับอกุศลวิบากหนัก เพราะเป็นส่วนของวิถีวิบาก

กรรมหนักบางอย่างก่อนที่จะเสวยเป็นวิบาก หากบุคคลนั้นพอมีบุญหนุนอยู่บ้าง ก็มักมีนิมิตหรือฝันมาเตือน เพื่อให้มีโอกาสแก้ไขลดทอนกระแสวิบากนั้น แต่กรรมตัดรอนมักไม่เป็นเช่นนั้น ศิษย์วิปัสสนาหลายคน ที่ก่อนจะประสบวิบากกรรมนัก ก็เกิดนิมิตที่ชัดเจนเหมือนจริงมากปรากฏเตือน ให้เร่งทำกุศลใหญ่เพื่อลดทอนกรรมวิถีวิบากได้ทัน และเมื่อทำกุศลใหญ่เช่นการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ก็ลดทอนกระแสกรรมได้จริง ๆ

ตัวอย่างการเตือนเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็เพิ่งเกิด โดยมีนิมิตขึ้นในจิตให้อาจารย์เห็นบุคคลใกล้เคียงผู้หนึ่งนอนตาย จิตบอกว่าต้องเตือนเขาให้ทำอย่างไร โดยก่อนหน้านี้ 1 ปี ก็รู้และเตือนเขาไปแล้วว่าจะอายุสั้น แต่ด้วยกุศลกรรมที่ทำไม่เพียงพอ พอใกล้ถึงเวลาจะตาย ก็มีนิมิตมาเตือนอีก เพื่อช่วยทั้งตัวเขาและครอบครัวให้ไม่ลำบากเกินไป อาจารย์จึงบอกเขาถึงนิมิตและให้แก้ไขลดทอนวิบากหนักถึงชีวิตแบบเร่งด่วน ด้วยการไปปล่อยวัวที่โรงฆ่าสัตว์ 1 ตัว อุทิศบุญจากการให้ชีวิตสัตว์ใหญ่ได้มีโอกาสอยู่รอด เพื่ออธิษฐานกุศลนี้ต่ออายุของตนเอง

นิมิตที่ปรากฏนี้ หากไม่ได้อยู่ในคอร์สภาวนา บุคคลก็ยากจะรอด การประกอบบุญกับสัตว์ใหญ่ที่มีคุณต่อมนุษย์ จึงเป็นทางเร่งด่วนที่แก้ไขไปก่อนเปราะแรก จากนั้นจึงปฏิบัติภาวนาเผาบาปเผากิเลสและสะสมบุญกุศลต่อไป

วิบากที่เป็นกรรมตัดรอนหรืออุปฆาตกรรม เป็นกรรมที่มีหน้าที่ตัดกรรมอื่น ๆ ให้สิ้นลง ซึ่งมีทั้งที่ตัดรอนจนถึงแก่ความตาย และตัดรอนให้หมดโอกาสได้รับความเจริญทางโลก เช่นกำลังจะได้ลาภหรือได้รับผลสำเร็จจากกิจการงาน จู่ ๆ ก็มีเหตุมาตัดทอนหนทางนั้นเสียในแบบที่คิดไม่ถึง

สำหรับที่เรื่องเล่าเป็นธรรมทานนี้ เป็นส่วนกรรมตัดรอนถึงแก่ชีวิต ทำให้ถึงแก่ความตายก่อนวัยอันควร และตายในแบบที่ไม่มีเหตุบอกล่วงหน้า ไม่มีนิมิตเตือนได้ เพราะวิถีที่ส่งมาเร็วและถาโถมแรงจนหมดสิทธิ์ตั้งรับ เป็นกรรมที่ทำให้หมดโอกาสทำกุศลกรรม เป็นการส่งผลมาจากกรรมปาณานิบาตในอดีตชาติ ของบุคคลสองคนที่เกิดขึ้นต่างเวลากัน โดยในชาตินี้ ทั้งสองเป็นคนดี มีความกตัญญูรู้คุณ มีจิตใจใฝ่ธรรม ประกอบกุศลกรรมเสมอ แต่ต้องมาจบชีวิตลงก่อนวัยอันควร เป็นการส่งผลมาจากกรรมปาณานิบาตในอดีตชาติ ระดับการวางแผนประทุษร้าย

คนแรกเป็นการวางแผนด้วยความหลงผิดด้วยความโลภ จนคิดวางแผนประทุษร้ายผู้มีคุณธรรมสูงเพื่อมุ่งเอาทรัพย์ อีกคนเป็นการวางแผนในเชิงยุทธศาสตร์การสงคราม แม้จะทำเพื่อแผ่นดิน ก็ยังไม่อาจหนีกรรมตัดรอนได้พ้น โดยในส่วนของกุศลกรรมที่เสียสละเพื่อชาติ ก็ทำให้ได้เป็นผู้มีฐานะทางหน้าที่การงานสูง มีสติปัญญาปราดเปรื่อง เป็นที่รักและเคารพของคนจำนวนมาก
แม้จะประกอบกุศลกรรมในชาตินี้อย่างไร แต่ก็ไม่สามารถหนีกรรมจากปางก่อนมาตัดรอนจนเสียชีวิต สร้างความเสียใจ สะเทือนใจแก่ครอบครัวและญาติมิตร บังเกิดเป็นมรณานุสติให้แก่ทุกคนที่รู้ข่าว

คนเรามักประมาทในการส่งผลของกรรม จึงหลงใช้ชีวิตอยู่กับความเพลิดเพลินและการวิ่งคว้าเป้าหมาย โดยไม่ได้ทำกุศลกรรมให้ถึงพร้อม ให้สมกับการได้ความเป็นมนุษย์ เมื่อจะทำบุญแต่ก็ไม่หยุดทำบาป แม้แต่ศีล 5 ก็รักษาไม่ได้ ก็สะสมกรรมต่อไปไม่จบสิ้น บุญที่ไม่ได้ทำด้วยศรัทธาและใจที่เสียสละ ไม่ว่าใครจะบรรยายสรรพคุณอานิสงค์แห่งบุญอย่างไร ก็จะไม่บังเกิดอานิสงส์ระดับนั้นหากทำด้วยความโลภในบุญ

ขอให้เผื่อใจนิดนึงว่า หากเราต้องตายในอีกไม่นานนี้ ใครบ้างที่จะเดือดร้อนกับการตายของเรา พ่อแม่ ครอบครัว สามี ภรรยา ลูก เราจะยังความเดือดร้อนมาสู่เขา หรือเราจะเป็นผู้พร้อมกับการตายทุกเมื่อโดยมีแผนรองรับทุกอย่าง แล้วดวงจิตหลังจากนี้ จะไปอยู่ที่ไหน นรก สวรรค์ หรือที่ไหน จิตใจนี้หวั่นไหวกับบาปและอกุศลกรรมที่ได้เคยทำไว้หรือไม่ หากยังหวั่นใจอยู่ ก็พึงรู้ว่าสุขคติคงหวังได้ยาก

ในปัจฉิมโอวาทของพระพุทธองค์ ก็ทรงสอนไม่ให้ประมาท

แม้จะหนีกรรมอื่นใดหรือกรรมตัดรอนไม่พ้น แต่หากเราใช้ชีวิตที่ยังเหลืออยู่ ทำแต่กุศลกรรม คิดดี ทำดี หยุดทำบาป และทำความดีให้ยิ่งขึ้นในระดับการเจริญภาวนา แม้เมื่อกรรมตัดรอนมาถึง ชีวิตนี้ก็ไม่สูญเปล่า เพราะเมื่อเสวยอกุศลวิบากไปแล้ว ต่อไปก็จะเป็นการเสวยกุศลวิบาก ที่ได้เร่งสั่งสมไว้

อาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล
19 กุมภาพันธ์ 2018

ดำเนินงานโดย มูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต

  • 462/12 ซอยอ่อนนุช 8 ถนนสุขุมวิท 77
    แขวงอ่อนนุช เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250
  • จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 - 17.00 น.
  • 02 117 4063-4
  • 02 117 4065
  • info@bodhidhammayan.org