จะเชื่อ จะศรัทธาใครก็ไม่ว่า
แต่ระวังอย่าให้เป็นศรัทธาที่มืดบอด ขาดการไตร่ตรอง เพราะจะมีบาปติดตัว
ธรรมะ คือหลักธรรมชาติ
ธรรมะ ในเชิงคำสอนนั้น ประกอบไปด้วยหลักให้พิจารณาสามประการคือ
***ความดีงาม ความถูกต้อง และความเหมาะสม***
หากข้อใดข้อหนึ่งขาดไป ก็จะกลายเป็นความเพี้ยนได้
คิดว่าดี แต่ไม่ถูกต้องก็ไม่ได้
พูดแต่หลักธรรมคำสอนให้คนทำดี แต่การสอนไม่คำนึงถึงความเหมาะสม ก็ไม่ได้ พระธรรมวินัยจึงมีหลักของอาวุโส หากเป็นพระภิกษุก็เคารพกันด้วยพรรษา เป็นฆราวาสหรือคนธรรมดาก็มีลำดับการเคารพด้วยหลัก วัยวุฒิ คืออายุ ชาติวุฒิคือชาติกำเนิด คุณวุฒิคือการเคารพด้วยคุณธรรม (อยู่ในธรรมข้อบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ)
เมื่อคุณวุฒิหรือคุณธรรมพิสูจน์ไม่ได้
ก็ต้องยึดหลักวัยวุฒิและชาติวุฒิ เป็นสำคัญ
ชาวพุทธย่อมรู้ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องทุกข์และวิธีการดับทุกข์
ทรงสอนเรื่องการปล่อยวาง ในหลักธรรมสัปปุริสธรรม 7 อันเป็นธรรมของคนดี ประกอบด้วย รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักกาล รู้จักสังคม รู้จักบุคคล เมื่อไม่รู้จักบุคคลหรือไม่รู้จักกาลเทศะอันควร ก็นำไปสู่การแสดงออกที่ผิดเพี้ยนต่อสังคม นำไปสู่การติเตียนของสาธารณชน
พูดธรรมถูกแต่วิธีการผิด ทั้งผู้พูดและผู้สนับสนุนก็ต้องมีบาปติดตัว
โทษฐานทำให้พระศาสนามัวหมอง ที่ทำให้คนเห็นว่าพุทธบริษัทไม่มีปัญญา กระทำการอันมืดบอด ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้คนเสื่อมศรัทธา เพราะคนในพระศาสนา กระทำการเยี่ยงนี้
บาปตรงนี้แหละ
อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล
25 เมษายน 2567